Web Analytics
No module Published on Offcanvas position

บทบาทของการกลายพันธุ์ในเอ็กซอนต่อโรคทางพันธุกรรมและสุขภาพของมนุษย์

บทบาทของการกลายพันธุ์ในเอ็กซอนต่อโรคทางพันธุกรรมและสุขภาพของมนุษย์
Exons and Genetic Diseases

พันธุกรรมเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดลักษณะทางกายภาพและชีวภาพของสิ่งมีชีวิต โดยสารพันธุกรรมหรือ DNA ประกอบด้วยลำดับนิวคลีโอไทด์ที่เป็นรหัสสำหรับการสร้างโปรตีน โปรตีนเหล่านี้ทำหน้าที่สำคัญต่อกระบวนการทางชีวภาพของร่างกาย หน่วยย่อยของยีนที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการนี้คือ เอ็กซอน (Exons)

Exons คืออะไร?

เอ็กซอน (Exons) เป็นส่วนของยีน ที่ถูกแปลงเป็น mRNA และใช้เป็นแม่แบบในการสังเคราะห์โปรตีน เอ็กซอนแตกต่างจาก อินทรอน (Introns) ซึ่งเป็นส่วนของยีนที่ไม่ถูกถอดรหัสเป็นโปรตีน โดยอินทรอนจะถูกกำจัดออกระหว่างกระบวนการ splicing เพื่อให้เหลือเฉพาะเอ็กซอนที่ใช้สร้างโปรตีนเท่านั้น

โดยที่เอ็กซอนมีสัดส่วนเพียงประมาณ 1-2% ของจีโนมทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นเพียงส่วนน้อยของ DNA แต่เอ็กซอนมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างโปรตีนซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์หากเกิดการกลายพันธุ์ในเอ็กซอน อาจทำให้เกิดความผิดปกติของโปรตีนและส่งผลให้เกิดโรคทางพันธุกรรมหลายชนิด บทความนี้จะกล่าวถึงความสำคัญของ Exons ความสัมพันธ์ของเอ็กซอนกับโรคทางพันธุกรรม และเทคโนโลยีที่ใช้วิเคราะห์ความผิดปกติของเอ็กซอนเพื่อการวินิจฉัยและรักษาโรค 

การกลายพันธุ์ในเอ็กซอนและโรคทางพันธุกรรม

การกลายพันธุ์ในเอ็กซอนอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของโปรตีนและทำให้เกิดโรคทางพันธุกรรม การกลายพันธุ์สามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ เช่น

  1. การกลายพันธุ์แบบ Missense
    – การเปลี่ยนแปลงของนิวคลีโอไทด์ตัวเดียวที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนที่สร้างโปรตีน ซึ่งอาจทำให้โปรตีนทำงานผิดปกติ ตัวอย่างเช่น การกลายพันธุ์ในยีน HBB สามารถทำให้เกิดโรค ธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
  2. การกลายพันธุ์แบบ Nonsense
    – การเปลี่ยนแปลงของนิวคลีโอไทด์ที่ทำให้เกิดโค้ดหยุดก่อนเวลาอันควร ส่งผลให้โปรตีนที่สร้างขึ้นไม่สมบูรณ์และไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ เช่น โรค Duchenne Muscular Dystrophy (DMD) ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ในยีน DMD ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างโครงสร้างกล้ามเนื้อ
  3. การกลายพันธุ์แบบ Frameshift
     – การเพิ่มหรือลบนิวคลีโอไทด์ที่ไม่ใช่จำนวนเต็มของ 3 คู่เบส ทำให้กรอบการอ่านรหัสพันธุกรรมเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้โปรตีนผิดปกติและไม่สามารถทำงานได้ เช่น โรค Cystic Fibrosis (CF) ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ในยีน CFTR
  4. การกลายพันธุ์ที่มีผลต่อ Splicing 
    – การเปลี่ยนแปลงในลำดับ DNA ที่ส่งผลให้เกิดการตัดต่อ mRNA ที่ผิดปกติ ทำให้เอ็กซอนอาจถูกตัดออกหรืออินทรอนอาจถูกเก็บไว้ ส่งผลให้โปรตีนผิดปกติและทำให้เกิดโรค เช่น Spinal Muscular Atrophy (SMA) ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ในยีน SMN1

ตัวอย่างโรคที่เกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ในเอ็กซอน

มีโรคทางพันธุกรรมหลายชนิดที่เกิดจากการกลายพันธุ์ในเอ็กซอน เช่น

  • โรคฮันติงตัน (Huntington’s Disease) – เกิดจากการ CAG repeat ในเอ็กซอนของยีน HTT ซึ่งทำให้เกิดโปรตีนที่เป็นพิษต่อเซลล์ประสาท
  • โรคมะเร็งทางพันธุกรรม – เช่น มะเร็งเต้านมที่เกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ของยีน BRCA1 และ BRCA2 ซึ่งเป็นยีนที่มีหน้าที่ซ่อมแซม DNA ที่เสียหาย
  • โรคทางระบบประสาท เช่น ออทิสติก (Autism Spectrum Disorder, ASD) – มีความเกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ในเอ็กซอนของยีนหลายตัว เช่น SHANK3 และ SCN2A ที่มีบทบาทต่อการทำงานของเซลล์ประสาท

เทคโนโลยีที่ใช้ศึกษาความผิดปกติของเอ็กซอน

ด้วยความสำคัญของเอ็กซอนในการควบคุมการสร้างโปรตีนและโรคทางพันธุกรรม นักวิทยาศาสตร์จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อวิเคราะห์การกลายพันธุ์ในเอ็กซอน ได้แก่:

  • Whole-Exome Sequencing (WES) – เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ตรวจหาการกลายพันธุ์ในเอ็กซอนของยีนทั้งหมดในจีโนม ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมที่ไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยวิธีดั้งเดิม
  • Polymerase Chain Reaction (PCR) และ Sanger Sequencing – ใช้ตรวจหาการกลายพันธุ์ในยีนที่สงสัยว่าทำให้เกิดโรค
  • CRISPR-Cas9 – เป็นเทคโนโลยีแก้ไขยีนที่สามารถใช้ปรับเปลี่ยนการกลายพันธุ์ในเอ็กซอนเพื่อการรักษาโรคทางพันธุกรรมในอนาคต

 

ข้อดีของการตรวจ Whole-Exome Sequencing (WES)

  1. เน้นการตรวจบริเวณที่มีความสำคัญทางชีวภาพ
    • WES ตรวจเฉพาะ บริเวณที่เข้ารหัสโปรตีน (exons) ซึ่งมีเพียง 1-2% ของจีโนมทั้งหมด แต่มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย
    • การกลายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคส่วนใหญ่อยู่ในเอ็กซอน ทำให้ WES มีประสิทธิภาพสูงในการตรวจจับความผิดปกติทางพันธุกรรม
  2. คุ้มค่ากว่าการตรวจจีโนมทั้งชุด (Whole-Genome Sequencing - WGS)
    • WES ต้องใช้ ข้อมูลการหาลำดับ (sequencing data) เพียง 8–10 Gb ต่อเอ็กโซม เทียบกับ ~90 Gb สำหรับ WGS
    • ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า WGS แต่ยังคงสามารถวิเคราะห์การกลายพันธุ์ที่สำคัญได้อย่างแม่นยำ
  3. ตรวจจับการกลายพันธุ์ของยีนที่เกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรมได้อย่างแม่นยำ
    • WES สามารถตรวจพบ Single Nucleotide Variants (SNVs), Indels (Insertion/Deletion Mutations) และ บางกรณีของ Copy Number Variations (CNVs)
    • เหมาะสำหรับการวินิจฉัยโรคหายาก เช่น Cystic Fibrosis, Marfan Syndrome, Rett Syndrome และโรคพันธุกรรมทางระบบประสาท
  4. เหมาะสำหรับการวินิจฉัยโรคที่ซับซ้อนและไม่สามารถอธิบายได้ด้วยการทดสอบทางพันธุกรรมแบบเดิม
    • ใช้ในกรณีที่การตรวจแบบ Sanger Sequencing หรือ Targeted Panel Testing ไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคได้
    • ช่วยแพทย์เลือกวิธีการรักษาและติดตามอาการได้แม่นยำยิ่งขึ้น (Precision Medicine)
  5. ใช้เวลาน้อยกว่าการตรวจ WGS
    • WES วิเคราะห์เฉพาะส่วนของจีโนมที่สำคัญ ทำให้สามารถถอดรหัสและวิเคราะห์ผลได้เร็วกว่า WGS
    • เหมาะสำหรับกรณีที่ต้องการผลตรวจเร็ว เช่น การตรวจโรคทางพันธุกรรมในเด็กแรกเกิดหรือโรคที่มีอาการรุนแรง
  6. สามารถใช้เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างยีนกับโรคได้
    • WES ช่วยให้นักวิจัยสามารถค้นพบ ยีนใหม่ที่เกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรม
    • ช่วยให้เข้าใจกลไกทางชีวภาพของโรคและพัฒนาแนวทางรักษาใหม่ ๆ

 

Genemind cWES
ใช้เทคโนโลยี Clinical Whole Exome Sequencing (cWES) ที่มุ่งเน้นในการตรวจสอบและวิเคราะห์ เอ็กซอน (exons)
ในส่วนของ Genemind นั้นเป็นซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มที่ใช้ช่วยในการ วิเคราะห์ผลจาก cWES โดยเฉพาะ⚡
🧬ซึ่งจะใช้เทคนิคขั้นสูงในการจัดการกับข้อมูลที่ได้จากการหาลำดับเบสของเอ็กซอน โดยมีการเปรียบเทียบและคัดกรองข้อมูลเพื่อระบุการกลายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับโรคต่าง ๆ
โดยแพลตฟอร์มนี้จะช่วยในการจำแนกการกลายพันธุ์ที่อาจมีความสำคัญทางคลินิกและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการวินิจฉัยโรค

การใช้ cWES Genemind ช่วยให้สามารถระบุการกลายพันธุ์ในยีนที่เกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรมได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว และช่วยในการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการรักษาและการจัดการโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

Maneesawan Dansawan